อิตัลไทยอุตสาหกรรม เปิดตัวรถขุดแบรนด์เอสดีแอลจีรุ่นล่าสุด คุณภาพสูง คุ้มค่าคุ้มราคา ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีทะลุ 600 ล้าน

อิตัลไทยอุตสาหกรรม เปิดตัวรถขุดเอสดีแอลจีแบรนด์ยักษ์จากจีนรุ่นล่าสุด SDLG E6205F และ E6210F ขนาด 20-21 ตัน ชูจุดแข็งคุณภาพสูง ทนทาน คุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมรับประกันทุกชิ้นส่วนหลัก เจาะตลาดก่อสร้าง บ่อดิน บ่อทราย อุตสาหกรรม เกษตรกรรม ตั้งเป้าสิ้นปีปั้นยอดขายทะลุ 200 ยูนิต มูลค่ารวม 600 ล้านบาท

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITI ผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักแบรนด์เอสดีแอลจี ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า อิตัลไทยอุตสาหกรรมร่วมกับ Shandong Lingong Construction Machinery หนึ่งในสามผู้ประกอบการรายใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของจีน เปิดตัวรถขุดขนาด 20-21 ตัน รุ่นล่าสุด SDLG E6205F และ E6210F รองรับลูกค้า “กลุ่มงานก่อสร้าง อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม” ที่เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสเติบโตระยะยาว ปีนี้มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 18,000  ล้านบาท

“แม้อุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนเมกะโปรเจกต์ชะลอตัว แต่ไตรมาส 1 ปีนี้ ตลาดเครื่องจักรหนัก ยังเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลาย คาดว่าผู้ประกอบการจะกลับมาเร่งดำเนินโครงการแบ็คล็อกคงค้างต่างๆ ให้แล้วเสร็จ แต่อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบลงทุนตามสภาพเศรษฐกิจ เน้นมองหาสินค้าที่จะช่วยให้คืนทุนเร็วเป็นสำคัญ ดังนั้นเชื่อว่าด้วยคุณสมบัติของรถขุดทั้ง 2 รุ่นที่มีความคงทน คุ้มค่า ด้วยคุณภาพและราคาที่เหมาะสม จึงน่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์ด้านการบริหารต้นทุนให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี”

การรุกตลาดของอิตัลไทยอุตสาหกรรมปีนี้ นอกจากเสริมพอร์ตธุรกิจทั้งในแนวกว้างและแนวลึกแล้ว ยังขยายศูนย์บริการอิตัลไทย เซ็นเตอร์เพิ่มเติมที่อำเภอบางปะหัน อยุธยา เพิ่มเครือข่ายพันธมิตรรวมถึงนำระบบ ERP/CRM เข้ามาปรับมาใช้ในกระบวนการขายและบริการหลังการขาย นำระบบ CareTrack และ GPS รวมถึงใช้ระบบ Telematic สำหรับรถบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนติดตามงานบริการตรวจเช็คซ่อมบำรุงและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์ และความพร้อมของทีมงานที่สามารถให้คำปรึกษาที่เหมาะสมในฐานะคู่คิดทางธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่ผู้รับเหมารายย่อยจนถึงระดับประเทศ รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม

Mr.Shi Dong – Import & Export Co. Vice General Manager บริษัท Shandong Lingong Construction Machinery แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า เอสดีแอลจีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทรถขุดเพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม เพราะเชื่อมั่นประเทศไทยว่าเป็นตลาดใหญ่ของภูมิภาคที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ด้วยคุณภาพรถขุด SDLG รุ่น E6205F และ E6210F เชื่อว่าจะเข้ามาตอบโจทย์เสริมความต้องการให้กับลูกค้ากลุ่มงานก่อสร้างได้ตรงจุด และการที่มีอิตัลไทยอุตสาหกรรมเป็นพันธมิตรจะยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาดมากยิ่งขึ้น เพราะมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งมีระบบการขายและบริการหลังการขาย รวมถึงทีมงานมีคุณภาพ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เอสดีแอลจีจับมือร่วมกับอิตัลไทยอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 10 ปี

นายสกนธ์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า การขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ จากเดิม รถตักล้อยาง รถขุดขนาดเล็ก ขนาดกลาง สู่ รถขุด 20 ตัน SDLG E6205F และ E6210F เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มงานก่อสร้างทั่วไป การทาง บ่อดิน บ่อทราย และ ภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง รถขุดขนาด 20 ตันคิดสัดส่วนเป็น 50% ของตลาดรถขุดในไทย นอกจากคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งที่ทำให้เอสดีแอลจีเหนือกว่าแบรนด์อื่น คือ งานบริการหลังการขายที่มีการรับประกันทุกชิ้นส่วนหลัก รวมถึงงานอะไหล่และซ่อมบำรุงที่พร้อมให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ด้วยศูนย์บริการอิตัลไทย เซ็นเตอร์ 15 สาขาครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศไทย อาทิ เชียงใหม่ ชลบุรี อยุธยา ขอนแก่น สุราษฏร์ธานี หาดใหญ่

“อิตัลไทยอุตสาหกรรม วางแผนรุก และขยายตลาดไปยัง งานก่อสร้างทั่วไป งานบ่อดิน บ่อทราย ภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งเป็นฐานตลาดที่ตรงสำหรับ เอสดีแอลจี โดยเน้นไปผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตรงความต้องการ ของกระบวนการผลิต อัตราสิ้นเปลือง และต้นทุนการบำรุงรักษา  เพื่อช่วยลูกค้าบริหารต้นทุนให้คุ้มค่าครบวงจร คาดว่าปี 2565 จะสามารถทำยอดขายรถขุดเอสดีแอลจีทุกรุ่น ประมาณ 200 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดรถขุดในประเทศไทยประมาณ 3%”

อนึ่ง บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (ITI) คือ หนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทอิตัลไทยดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายเครื่องจักรกลหนักแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ วอลโว่ – ทาดาโน – เอสดีแอลจี ยูตง – มาเอดะ – พาวเวอร์ เคิร์บเบอร์ แอนด์ พาวเวอร์ เพฟเวอร์ และอัลมิกซ์ ที่สามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างได้แบบครบวงจร

ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center